ส่วนนี้จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องน่ารู้ของ Mac Hardware ทั่วไปนะครับ
เนื่องจากพอเขียนเรื่องอะไรต่าง ๆ เยอะเข้า ก็มีหัวข้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับ OS X โดยตรงแต่มาลงที่ Hardware เสียส่วนมาก เลยเพิ่มส่วนนี้เข้ามาแล้วจับหัวข้อพวกนั้นมารวมไว้ในนี้เลย
ก็ลองเลือกอ่านได้จากหัวข้อทางด้านซ้ายมือตรง How-Tos นี่เหมือนเดิมครับ หรือถ้าด้านซ้ายหัวข้อซ้อนกันจนอ่านไม่รู้เรื่อง ก็ให้เลือกจากทางด้านล่างนี้แทน
ขอให้มีความสุขในการใช้ Mac และ OS X ครับ
ก๊อก
update:
ผมเจอบางเว็บขาย applecare แบบถูก ๆ แล้ว link มาที่นี่ ผมอยากจะขอเขียนชี้แจงเกี่ยวกับเรื่่องนี้ไว้ดังนี้ครับ
AppleCare หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า AppleCare Protection Plan เป็นการยืดอายุการรับประกันของผลิตภัณฑ์จาก Apple ที่เราซื้อมาให้ยาวนานขึ้นกว่าการรับประกันปรกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเป็น Mac, iPod, iPhone, เครื่อง server หรือว่า AppleCare สำหรับ softaware ที่แต่ละแบบจะมีเงื่อนไขปลีกย่อยอื่น ๆ ที่แตกต่างกัน แต่โดยคร่าว ๆ แล้วเหมือนกันในเรื่องของการยืดอายุการรับประกันออกไป และเพิ่มเติมในส่วนของ support ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ครับ
สำหรับบทความนี้ ผมจะเขียนถึงเฉพาะ AppleCare for Mac (เครื่อง Desktop และ Portable) เป็นหลักนะครับ เพราะว่าในประเทศไทยรู้สึกว่าจะมี AppleCare สำหรับเครื่อง Mac เพียงอย่างเดียว
AppleCare for Mac
สำหรับเครื่อง Mac ทั้ง Desktop และ Portable ซึ่งบาง AppleCare นั้นจะครอบคลุมจอ Apple Display ที่เราซื้อพร้อมกับเครื่องเรามาด้วย(ถ้าซื้อพร้อมกัน)ครับ มีราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นที่ซื้อ
อายุรับประกัน
ตรงนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ใช้แมคใหม่ ๆ หลายคนสับสน ที่ถูกต้องเกี่ยวกับอายุรับประกันนะครับคือ เมื่อซื้อเครื่องใหม่มา เราจะมีประกันพื้นฐานติดเครื่อง mac มาให้ทุกเครื่องเลยเป็นระยะเวลา 1 ปี (ประกันที่เกี่ยวกับความเสียหายเนื่องจากการผลิตหรือบกพร่องของอุปกรณ์เนื่องจากการใช้งานปรกติ)
ซึ่งถ้าเราซื้อ AppleCare แล้ว เขาจะยืดอายุรับประกันออกเพิ่มจากของเดิมอีก 2 ปี รวมแล้วประกันติดเครื่องทั้งหมดจะเป็น 3 ปีครับตามภาพด้านล่างนี้ครับ
อะไรบ้างที่รับประกัน?
จากหน้า AppleCare Protection Plans บน support.apple.com ระบุเอาไว้แบบนี้ครับ
มีอะไรมาให้ในกล่อง AppleCare?
ที่มีมาในกล่องนะครับ
ดูเพิ่มเติมได้จาก กระทู้แก่ะกล่อง AppleCare For MacBook Pro ในห้อง review ครับ
ถ้ามีปัญหา จะติดต่อทีมงานเกี่ยวกับ AppleCare เพิ่มเติมได้จากที่ไหน?
จากในคู่มือที่มีใน AppleCare (จากกล่องที่ผมซื้อในประเทศไทย)ระบุเอาไว้แบบนี้ครับ
Thailand:
001800 4412904
Monday – Friday 9:00 am – 5:00 pm Thailand time zone*
note :
1. อายุวันรับประกันนับจากวันที่เราซื้อเครื่องมาจากร้านนะครับ นับเอาวันซื้อที่ระบุไว้ในใบเสร็จเป็นสำคัญ
2. จะซื้อ AppleCare ได้ จะต้องซื้อก่อนหมดอายุประกันปรกติใน 1 ปีแรกนะครับ(นับจากวันที่ซื้อในใบเสร็จอีกเหมือนกันครับ)
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AppleCare for Mac
http://www.apple.com/support/products/proplan.html
FAQ เกี่ยวกับ AppleCare
http://www.apple.com/support/products/faqs.html
สำหรับผู้ที่อยู่ในประเทศไทย และต้องการดูว่ามี AppleCare อะไรที่ซื้อจาก Apple Online Store ได้บ้าง ให้ดูได้ที่หน้านี้ครับ
http://store.apple.com/th/browse/home/shop_mac/mac_accessories/applecare...
update:
ผมเจอบางเว็บขาย applecare แบบถูก ๆ แล้ว link มาที่นี่ ผมอยากจะขอเขียนชี้แจงเกี่ยวกับเรื่่องนี้ไว้ดังนี้ครับ
บทความนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ วิธีการลงทะเบียน AppleCare for MacBook Pro ผ่านหน้าเว็บ apple.com ด้วยตนเองนะครับ คิดว่าการลงทะเบียน AppleCare สำหรับการรับประกันเครื่องแบบอื่น ๆ น่าจะมีลักษณะคล้ายกัน เนื้อหาสำหรับผู้ที่อยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก และเนื่องจากมีภาพประกอบเยอะ ผมเลยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ตอนครับ - ก๊อก
ที่เราควรจะต้องมีก่อนที่จะลงทะเบียนนะครับ
เลข Serial Number ของเครื่องเราสามารถที่จะเข้าไปดูได้จากใน System Profile ครับ (คลิ๊กที่ Apple Menu เลือก About THis Mac และเลือก More Info...) เพื่อเอาตัวเลขชุดนี้มาเก็บเอาไว้ครับ
note :
update:
ผมเจอบางเว็บขาย applecare แบบถูก ๆ แล้ว link มาที่นี่ ผมอยากจะขอเขียนชี้แจงเกี่ยวกับเรื่่องนี้ไว้ดังนี้ครับ
บทความนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ วิธีการลงทะเบียน AppleCare for MacBook Pro ผ่านหน้าเว็บ apple.com ด้วยตนเองนะครับ คิดว่าการลงทะเบียน AppleCare สำหรับการรับประกันเครื่องแบบอื่น ๆ น่าจะมีลักษณะคล้ายกัน เนื้อหาสำหรับผู้ที่อยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก และเนื่องจากมีภาพประกอบเยอะ ผมเลยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ตอน และเนื้อหาตอนนี้เป็นตอนที่ 2/3 ครับ - ก๊อก
ขั้นตอนที่ 1. - เข้าหน้าลงทะเบียน AppleCare จากเว็บ
เราสามารถที่จะลงทะเบียน AppleCare Protection Plan ได้ผ่าน url นี้ http://www.apple.com/support/register หรือจะเข้าเว็บ www.apple.com แล้วทำตามสองขั้นตอนด้านล่างนี้ก็ได้ครับ ให้ผลเหมือนกัน
เราจะถูกพามายังหน้าแรกเริ่มหรือว่าภาพรวมของ AppleCare โดยทั่วไป และจากหน้าเว็บ apple.com ตัวปัจจุบันที่ผมเขียนบทความนี้อยู่ หน้าตาจะเป็นแบบนี้ครับ
ให้ดูใต้หัวข้อ Register และเลือก Register a new agreement ครับ(ตามภาพด้านบน) และเราจะเข้าสู่หน้าต้อนรับการลงทะเบียน ดังภาพต่อไปนี้ครับ
คลิ๊ก continue เพื่อเข้าหน้า Sign in
ขั้นตอนที่ 2. - เข้าสู่การลงทะเบียน AppleCare ด้วย Apple ID ที่เรามี
ขั้นตอนที่ 3. - หน้าสรุป AppleCare ที่เราลงทะเบียนเอาไว้
หลังจากที่เรา log in เข้ามาแล้ว เราจะพบกับหน้าสรุปการลงทะเบียนของ AppleCare ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เรามีภายใต้ Apple ID ที่เราใช้นะครับ ซึ่งถ้าใครยังไม่เคยลงทะเบียน AppleCare มาก่อนเลย ก็จะเจอหน้าสรุปเปล่า ๆ แบบภาพนี้
ให้คลิ๊กที่ Register an AppleCare Agreement เพื่อเข้าสู่การลงทะเบียนต่อไป
update:
ผมเจอบางเว็บขาย applecare แบบถูก ๆ แล้ว link มาที่นี่ ผมอยากจะขอเขียนชี้แจงเกี่ยวกับเรื่่องนี้ไว้ดังนี้ครับ
บทความนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ วิธีการลงทะเบียน AppleCare for MacBook Pro ผ่านหน้าเว็บ apple.com ด้วยตนเองนะครับ คิดว่าการลงทะเบียน AppleCare สำหรับการรับประกันเครื่องแบบอื่น ๆ น่าจะมีลักษณะคล้ายกัน เนื้อหาสำหรับผู้ที่อยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก และเนื่องจากมีภาพประกอบเยอะ ผมเลยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ตอน และเนื้อหาตอนนี้เป็นตอนที่ 3/3 ครับ - ก๊อก
ขั้นตอนที่ 4. - เข้าสู่ขั้นตอนการลงทะเบียน AppleCare
อธิบาย
จากนั้นคลิ๊ก Continue ครับ
ขั้นตอนที่ 5. - เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการยืนยันวันที่ซื้อเครื่องดังภาพต่อไปนี้ครับ
ให้ระบุวันที่เราซื้อเครื่องมา ให้ตรงกับในใบเสร็จที่เรามีอยู่นะครับ จากนั้นกด continue เพื่อผ่านไป
ขั้นตอนที่ 6. - ยืนยันหน้าจอ Apple Display
ถ้าเรามีหน้าจอที่ซื้อมาพร้อมเครื่อง Mac ของเรา ให้ระบุไปตรงนี้ได้เลยนะครับ ประกันของ MacBook Pro จะครอบคลุมถึงหน้าจอด้วย(ต้องซื้อพร้อมเครื่อง) ครับจากนั้นกด continue ไป
ขั้นตอนที่ 7. - อ่านข้อตกลง
ตรงนี้จะแสดงข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขการรับประกันทั่วไป สามารถอ่านได้จากตรงนี้ หรือจะอ่านจากคู่มือที่แถมมาให้ในกล่อง หรือ download ไฟล์ pdf จาก apple.com ทีหลังก็ได้ครับ
อธิบาย
ขั้นตอนที่ 8. - สรุปรายการ AppleCare Protection Plan ที่เราเพิ่งลงทะเบียนผ่านไป
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราน่าจะได้เห็นหน้าสรุปแบบนี้เพื่อเป็นการยืนยันในเบื้องต้นว่าเราสั่งลงทะเบียนอะไรไปบ้าง จากนั้นรออีเมล์ยืนยันจากทาง Apple อีกทีเป็นอันเสร็จกระบวนการครับ ซึ่งอีเมล์ยืนยันจาก Apple จะมีเนื้อหาประมาณระบุวันหมดอายุประกันของเราที่เพิ่มขึ้นอีกสองปี จากในภาพตัวอย่างที่ผมวงกลมเอาไว้ ประกันเครื่องผมจะหมดในปี 2012 ครับ
เมื่อได้รับอีเมล์ยืนยันมาแล้ว ก็ให้ copy เก็บเอาไว้นะครับ พร้อมกับกล่อง AppleCare Protection Plan และ ใบเสร็จยืนยันการซื้อเครื่องที่เรามี เผื่อในวันข้างหน้าอาจจะมีการยืนยันข้อมูลตรงนี้ จะได้เอามาแสดงได้ เป็นการรักษาผลประโยชน์ของเรานะครับ
หมดแล้วครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
ตารางเกี่ยวกับแผ่นที่ใช้ burn บน OS X จากผู้ใช้งานกับเครื่อง Mac รุ่นต่าง ๆ ครับ
เกี่ยวกับการทำความสะอาดเครื่อง Mac และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องครับ
เป็นจากที่ผมเขียนเอง ใช้เอง และพบเจอจากที่ต่าง ๆ เอามารวมกันนะครับ =)
คุณ Erokoku เขียนอธิบายเป็นขั้นตอนพร้อมภาพประกอบในการแก่ะ Mighty Mouse ออกมาทำความสะอาดเองครับ
คุณ Kann เขียนเอาไว้ใน freemac.net อธิบายวิธีทำความสะอาด Mighty Mouse แบบง่าย ๆ ไม่ต้องแก่ะเมาส์ออกครับ
ไปเจอมาจากใน youtube ครับ แสดงวิธีทำความสะอาดคีบอร์ดโปรรุ่นก่อนหน้าตัวบางอันใหม่ อธิบายถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำนะครับ =)
เป็นภาษาอังกฤษแต่ดูเอาเพลิน ๆ นะครับ ตลกดี
บางครั้งอุปกรณ์ง่าย ๆ ก็ใช้ทำความสะอาดเครื่อง Mac สุดที่รักของเราได้ครับ =P
จากภาพ อุปกรณ์ที่เห็นนี้สามารถหาซื้อได้จากร้านจำหน่ายกล้องทั่วไปครับ เป็นที่เป่ากับแปรงปัด ช่วยให้เราทำความสะอาดฝุ่นหรือเศษอะไรต่อมิอะไรที่คาอยู่ตามซอกของเครื่องได้ดีกว่าการใช้ผ้าเช็ดทั่วไป ในราคาอันแสนย่อมเยาครับ
หรือใครใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ก็แนะนำกันได้นะครับ เราลองมาแชร์กัน
กลับมาทำงานวันแรกก็งานเข้าเลยครับ น้องที่ทำงานเจอฝูงมดเข้าไปอยู่ใน Keyboard Pro สืบไปสืบมาก็รู้ว่าเจ้าน้องคนนี้แกะห่อลูกอมแล้วยังไม่ทันได้กินลืมวางไว้บนโต๊ะทำงานก็เลยเป็นเรื่องครับ เค้าพาพวกมามากันเป็นฝูง จังหวะเดินผ่าน Keyboard คงเห็นว่าน่าอยู่หรือไงไม่ทราบ ก็เลยไม่ไปไหนเลย เลยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกไปบางส่วนแต่ก็ไม่หมดครับ ยังทยอยเดินออกมาเรื่อยๆ เลยตัดสินใจ แงะแป้น Keyboard เลยครับ กะว่าเอาให้สิ้นซาก
DVD Region : เป็นการกำหนดโซนนิ่งของการวางจำหน่าย dvd ในแต่ละภูมิภาค ที่จะวางจำหน่ายไม่พร้อมกัน .. เป็นเรื่องของการตลาดครับ แต่ว่าตรงนี้เลยมีผลกับ Super drive ที่มีอยู่ในเครื่อง Mac ของเราด้วย ที่ว่ามีผลคือ เราจะเปิดแผ่น DVD ได้ จะต้องมี Region ที่ตรงกับ ไดร์ฟที่เรามีในเครื่องเท่านั้น เช่น ในประเทศไทย หรือโซนเอเชีย จะมี Region =3 ที่จะเปิดดูแผ่น DVD ที่มี Region = 3 ได้เท่านั้น..
โดยส่วนใหญ่แล้ว เครื่อง Mac ที่ซื้อในภูมิภาคไหน ก็จะมี Region ที่ตรงกับแผ่น DVD ที่มีขายอยู่ภายในภูมิภาคนั้น.. แต่ก็อาจะจะมีบางแผ่น DVD ที่มี Region ไม่ตรงกับ Drive ที่เรามีเหมือนกัน ส่วนใหญ่แล้วสามารถพบได้ทั่วไป ดังนั้นเราควรจะเชค Region ของแผ่นก่อนที่เราจะเช่า / ซื้อมาดูบนเครื่อง Mac ของเรานะครับ
ทีนี้ ถ้าเราต้องการเปิดแผ่น DVD จาก Region อื่น ๆ ล่ะ? ถ้าเราย้ายบ้าน หรือว่าซื้อเครื่องมาจากต่างประเทศทำให้ Super drive มี Region ที่ไม่ตรงกับแผ่นที่เราต้องการจะเปิดล่ะ?
ถ้าใส่ DVD ที่มี Region ไม่ตรงกับ drive ที่เรามี เช่น เราซื้อเครื่องมาจากอเมริกา (Region=1) แล้วนำกลับมาใช้ในประเทศไทย (Region=3) แล้วต้องการที่จะเล่นแผ่น DVD ที่ซื้อจากในประเทศไทย (Region =3) เราจะถูกขึ้นเตือนมาตามภาพนี้ครับ ซึ่งจะถามเราว่าต้องการจะเปลี่ยน Region ของ super drive ในเครื่องเราให้เป็น Region ใหม่ตามแผ่น DVD ที่เราจะเปิดหรือไม่?..
ภาพตัวอย่างกล่องข้อความเตือนในกรณีที่เราต้องการจะเปิดแผ่น DVD ที่มี Region ไม่ตรงกับไดร์ฟที่เรามีในเครื่อง
(อ้างอิงจากบน 10.5.5 สำหรับ OS X เวอร์ชั่นอื่นรูปแบบ อาจจะแตกต่างจากนี้ แต่หลักการเดียวกัน)
ตามปรกติเราจะกำหนดให้เปลี่ยน Region ของ Super drive ภายในเครื่องเราได้ไม่เกิน 5 ครั้งนะครับ มีวิธีการนับแบบนี้
เปลี่ยนจาก Region 3 ไป Region 1 นับเป็น 1 ครั้ง.. ดังนั้น ถ้าเราเปลี่ยนจาก Region 3 ไปเป็น Region 1 แล้วกลับมาเป็น Region 3 ใหม่อีกรอบ จะนับว่าเปลี่ยนไป 2 หน -*-
การเปลี่ยน DVD Region ให้กับ Super Drive ในเครื่อง Mac
หลังจากที่เราใส่แผ่นที่มี Region ไม่ตรงกับ drive ที่มีในเครื่องของเราแล้ว..
RAM หรือหน่วยความจำภายในเครื่อง ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่กำลังถูกใช้งานอยู่ หรือเพิ่งถูกใช้งานไปล่าสุด ช่วยให้ระบบทำการเข้าถึงข้อมูลหรือว่า application ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างราบรื่น
บน OS X เราสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะการทำงานของ RAM ในภาวะต่าง ๆ ได้จากใน Activity Monitor (Application/Utilities) แล้วดูในส่วนของ System Memory
หน้าตาของ Activity Monitor ที่จะแสดงสถานะการทำงานทั้งหมดของเครื่องเรา สามารถเลือกปิดการทำงานของ app หรือ process ต่าง ๆ ได้จากตรงนี้ (คล้ายกับบน windows pc)
System Memory
เป็นส่วนแสดงผลเกี่ยวกับ RAM บนเครื่องเราในสถานะต่าง ๆ
อธิบาย
note :
VM Size : หมายถึง Virtual Memory (ความจำเสมือน): เป็นตัวเลขบอกถึงสถานะของข้อมูลที่ถูกบรรจุลงใน RAM หรือว่า HD ของเรา(ถ้าระบบต้องการ) ซึ่งความจำเสมือนนี้บางที่ก็มีขนาดที่ใหญ่กว่า RAM จริง ๆ ที่เรามีอยู่บนเครื่องได้ โดยปรกติแล้ว ถึงความจำเสมือนจะมีขนาดใหญ่ แต่การนำข้อมูลมาจำลองเป็นหน่วยความจำเสมือนบน HD นี้จะช้ากว่าข้อมูลที่เข้าออกจาก RAM โดยตรง
note : สำหรับคนที่พื้นที่บน HD เหลือน้อยอาจจะพบปัญหาการทำงานของ OS หรือว่า app ต่าง ๆ ได้ เพราะพื้นที่ให้สำหรับ Virtual Memory / Swap file ไม่เพียงพอ
Page ins/outs : เป็นตัวเลขที่บอกถึงจำนวนครั้งที่ระบบทำการย้ายข้อมูลไปมาระหว่าง RAM กับ HD
Swap Used : แสดงพื้นที่ของ HD ที่ถูกใช้จริง ๆ ในการนำไฟล์เข้าออกระหว่าง HD กับ RAM แล้ว (ถ้ามีตรงนี้เยอะ แนะนำให้เพิ่ม RAM ครับ)
อ่านเพิ่มเติม
http://support.apple.com/kb/HT1342
http://developer.apple.com/documentation/Performance/Conceptual/ManagingMemory/Articles/AboutMemory.html
" Ram หมด ที่ให้มากับเครื่องไม่พอแล้ว เพิ่มแรมดีกว่า ว่าแต่จะซื้อยังไง แบบไหนดีล่ะ "
เกี่ยวกับ Apple Notebook Battery (Lithium-ion)
จากหน้าเวปของ Apple เองบอกเอาไว้ว่า battery แบบ lithium-ion ของ Apple เองนั้นมีคุณสมบัติทั่วไปเหมือนกับ battery แบบ lithium-ion ที่พบเห็นอยู่ในอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว จะมีวันหมดอายุครับ (เสื่อมสภาพจนไม่เก็บไฟแล้ว ทำให้เราต้องซื้อใหม่)
ทั่วไปเกี่ยวกับ Lithium-ion
โดยทั่วไป battery แบบ Lithium-ion นั้นจะเก็บประจุได้มากกว่า battery แบบ nickel ที่เราเคยใช้อยู่ในอุปกรณ์อิเล็คโทรนนิกรุ่นเก่า ที่ต้องคอยชาร์จให้เต็มและใช้ให้หมดเป็นรอบ ๆ ไป ซึ่งนอกจาก Lithium-ion จะเก็บประจุได้มากกว่าและน้ำหนักเบากว่าแล้ว ยังสะดวกกว่าในการชาร์จด้วย เพราะเราสามารถชาร์จไฟเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เราสะดวก ไม่ต้องชาร์จเป็นรอบ ๆ เหมือนแต่ก่อน
การชาร์จไฟโดยทั่วไปบน Battery แบบ Lithium-ion
ส่วนมากแล้ว Battery แบบ Lithium-ion จะใช้การ "Fast charge" ที่ทำให้ชาร์จไฟเต็มที่ไปจนถึง 80% ของความจุ battery ก่อนแล้วค่อย ๆ เติมประจุจนเต็ม 100% ทีหลังอย่างช้า ๆ คือประมาณว่า เราจะเสียเวลาชาร์จ iPod จนมีความจุ battery ที่ 80% โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชม. และจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชม.หลังจากนั้นเพื่อชาร็จ battery จนเต็มความจุที่ 100% ถ้าเราไม่ได้ใช้ iPod ไปด้วยระหว่างที่ชาร์จ จะทำให้สามารถชาร์จได้เต็มความจุเร็วขึ้นโดยใช้เวลาที่สั้นลง
Charge Cycle
การนับรอบของการชาร์จบน lithium-ion battery นั้น จะนับความจุที่เราชาร์จไปแต่ละครั้ง แล้วนำมาบวกกันให้ครบ 100% จะนับเป็นการชาร์จ 1 cycle หรือ 1 รอบครับ เช่น
เราชาร์จแบตของ iPod เรามาเต็ม แล้วใช้หมดไปครึ่งหนึ่ง (50%) แล้วกลับมาชาร์ใหม่ให้เต็มใหม่ก่อนนอน - - แบบนี้นับเป็นครึ่งรอบ .. ถ้าวันต่อมาเราทำซ้ำแบบเดิมอีก ถึงจะนับเป็นการชาร์จเต็ม 1 รอบครับ (50% +50% =100% นับเป็น 1 รอบชาร์จ)
การชาร์จดครบ 1 รอบคือ การชาร์ไฟครบ 100% ของความจุ ไม่ว่าจะชาร์จแบบ 0-100% ในครั้งเดียว หรือทะยอยชาร์จครั้งละนิดละหน่อย ก็จะถูกนับมารวมกันให้ได้ 100% แล้วตัดเป็น 1 รอบการชาร์จครับ
ตัวเลขใน System Profiler ของ Battery Health ที่บอกจำนวนเป็น Cycle นั้นอธิบายตรงนี้ครับ
อายุ Battery
ตามธรรมชาติแล้ว ทั้ง battery ของ notebook, iPod, iPhone จะสามารถเก็บความจุได้ลดลง ตามจำนวนรอบการชาร์จที่มากขึ้น โดยข้อมูลจากในเวป Apple แล้ว Battery จะยังสามารถเก็บความจุได้ที่ 80% หลังจากผ่านการชาร์จไปสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งแตกต่างกันตามประเภทของ battery ดังนี้ครับ
ที่มา
http://www.apple.com/batteries/
เกี่ยวกับ โน๊ตบุค battery ของ Apple
http://www.apple.com/batteries/notebooks.html
เกี่ยวกับ battery ของ iPod, iPhone
http://www.apple.com/batteries/ipods.html
[แก้ไขเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2551 : ขยายความเกี่ยวกับเรื่องรอบการชาร์จ cycle count ครับ]
การ Calibrate Battery
ภายในตัวของ Battery ที่เราใช้อยู่ จะมี micro processor ที่จะคอยบอกกับเครื่องให้แสดงผลบนหน้าจอเราว่า ตอนนี้ Battery เหลืออยู่หรือว่าใช้ไปแล้วเท่าไหร่ .. การ Calibrate Battery คือคล้าย ๆ กับการ reset ตัว micro processor ตัวนี้ ให้ประมวลผลค่าต่าง ๆ ของ battery ได้ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ Notebook ควรจะทำอย่างสม่ำเสมอครับ
วิธี Calibrate Battery สำหรับผู้ใช้ MacBook, MacBook Pro (10.5)
1.เสียบปลั๊กเข้ากับไฟบ้าน และชาร์จจนเต็ม
2.หลังจากสถานะของ Battery เต็มแล้วให้เสียบปลั๊กค้างเอาไว้ต่อไปสัก 1- 2 ชม. (จะทำงานต่อไปบนเครื่องก็ได้)
3.ให้ถอดปลั๊กที่ต่อตรงกับไฟบ้านออก (ไม่ต้องปิดเครื่อง ดึงปลั๊กออกมาได้เลย) ให้เครื่องเริ่มทำงานโดยใช้ไฟจาก Battery จนไฟที่ชาร์จเอาไว้เกือบจะหมด.. จะมีหน้าต่างเตือนเราขึ้นมาว่าไฟใน Battery เหลือน้อยแล้ว
4.ให้เปิดเครื่องต่อไปและให้ใช้งานต่อไปจนกว่าเครื่องจะดับ หรือว่า Sleep ไปเอง (ถ้าเรายังทำงานอะไรค้างอยู่ให้ save และปิด app ที่ใช้อยู่ให้หมด ก่อนที่เครื่องจะดับครับ ..)
5.ปิดเครื่อง หรือปล่อยให้เครื่อง Sleep ต่อไปสัก 5 ชม. หรือกว่านั้น
6.เสียบปลั๊กต่อไฟเข้ากับเครื่อง แล้วปล่อยให้ชาร์จไฟทิ้งไว้จนกว่าจะ Battery จะเต็มอีกครั้ง (สามารถใช้เครื่องทำงานไปได้ในระหว่างนี้)
note :
ที่มา
สำหรับผู้ใช้ 10.5
http://docs.info.apple.com/article.html?path=Mac/10.5/en/9036.html
สำหรับผู้ใช้ 10.4
http://docs.info.apple.com/article.html?path=Mac/10.4/en/mh2339.html
เกี่ยวกับการ Calibrate (ข้อมูลเพิ่มเติม และสำหรับเครื่องรุ่นเก่า)
http://support.apple.com/kb/HT1490
การดูแลรักษา Battery ของ Apple Notebooks
1.เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม (ใกล้เคียง 22 องศา C ได้จะดีมาก)
2.ให้แน่ใจว่า ชาร์จให้เต็มในการต่อไฟบ้านครั้งแรก และทำการ update software ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพราะ apple จะออกตัว update ที่ปรับปรุงการทำงานของ battery ให้ดีขึ้นเป็นระยะ ๆ
3.การดูแลรักษาทั่วไป battery แบบ Lithium-ion จำเป็นที่จะต้องมีการหมุนเวียนของประจุ ** พูดให้ง่ายก็คือ เราควรที่จะใช้งานผ่าน battery บ้าง เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของประจุภายในเซลของ battery ครับ
note : Apple แนะนำว่า ควรจะมีการชาร์จ และใช้ประจุบน battery นี้ให้เกิดขึ้นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
4.ถ้าเราจะไม่ได้ใช้เครื่องเป็นเวลานาน ให้ถอด battery ออกมาเก็บไว้ ซึ่ง battery ที่เราถอดเก็บเอาไว้ ถ้าใน battery มีไฟอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป เค้าจะค่อย ๆ คายประจุหรือสูญเสียความสามารถในการเก็บประจุไปบ้างเล็กน้อย เมื่อนำกลับมาใช้ใหม่ครับ
note : ต้องมีไฟเก็บอยู่ใน battery บ้าง หรืออย่างน้อย 50% เพราะถ้าเราเก็บ battery ก้อนเปล่าที่ไม่มีไฟไว้นาน ๆ อาจจะทำให้ battery สูญเสียการเก็บประจุไปเลยเป็นการถาวร
การใช้งานบน battery อย่างเต็มประสิทธิภาพ
อายุของ battery ของ Apple จากในเวปบอกเอาไว้ว่า Notebook Battery จะยังเก็บไฟได้ 80% โดยประมาณ หลังจากผ่านการชาร์จเต็มมาแล้ว 300 รอบ
การดูแลรักษา Battery ของ iPod,iPhone
1.เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม (ใกล้เคียง 22 องศา C ได้จะดีมาก - เหมือนกับ batt ของ notebook)
2.ให้แน่ใจ update software ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพราะ apple จะออกตัว update ที่ปรับปรุงการทำงานของ battery ให้ดีขึ้นเป็นระยะ ๆ
3.การดูแลรักษาทั่วไป battery แบบ Lithium-ion จำเป็นที่จะต้องมีการหมุนเวียนของประจุ ** พูดให้ง่ายก็คือ เราควรที่จะใช้งานผ่าน battery บ้าง เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของประจุภายในเซลของ battery
note : Apple แนะนำว่า ควรจะมีการชาร์จ และใช้ประจุบน battery นี้ให้เกิดขึ้นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
การใช้งานบน battery อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เกี่ยวกับ Momory บน iPod
ใน iPod ที่เป็น Hard disk นั้น จะเล่นเพลงจาก solid-state cache ภายในเครื่อง เพื่อการเล่นเพลงที่ต่อเนื่อง ไม่สะดุด โดยที่ Hard disk จะคอยหมุนอยู่เพื่อคอยเติมเพลงลงใน cache นี้ (ทุกครั้งที่ HD หมุน จะเป็นการใช้พลังงานเกิดขึ้นตรงนี้) และจากปัจจัยที่ทำให้ Hard disk หมุนนี้ ถ้าเราทราบ เราสามารถลดการทำงานตรงนี้ได้ = เป็นการยืดอายุ battery ไปได้ในขณะเดียวกัน
อายุของ battery ของ Apple จากในเวปบอกเอาไว้ว่า Battery ของ iPod/iPhone จะยังเก็บไฟได้ 80% โดยประมาณ หลังจากผ่านการชาร์จเต็มมาแล้ว 400 รอบ
note : สำหรับการชาร์จ iPod บางรุ่น จะทำให้เกิดความร้อนสะสมถ้ามี case อยู่ ทางที่ดี คือถ้าเราพบว่าเครื่องร้อนผิดปรกติตอนชาร์จ ให้ถอด case ออกก่อนชาร์จครับ
การใช้งาน battery บน iPod แบบคุ้มค่าครับ
เห็นในเวปบอร์ดของ Mac user ในเมืองไทยมีผู้ใช้หลาย ๆ ท่านตั้งคำถามเกี่ยวกับว่า เราควรที่จะถอด Battery แล้วใช้ไฟตรงในการทำงานกับเครื่อง Notebook เราเพียงอย่างเดียวหรือไม่? .. ส่วนใหญ่เหตุผลหลัก ๆ เลยคือต้องการที่จะยืดอายุของ Battery ให้นานที่สุด..
คำตอบของเรื่องนี้คือ .. เราไม่ควรและไม่มีความจำเป็นที่จะถอด Battery ออกระหว่างใช้งาน Notebook ของเราครับ เพราะ..
1.เรื่องความปลอดภัย - การมี Battery อยู่กับเครื่อง สามารถป้องกันปัญหาที่เกิดจากกระแสไฟตรงไม่สมำ่เสมอ จำพวก ไฟกระชาก, ไฟตก, ไฟเกินไม่ให้ทำความเสียหายกับ Notebook ของเราได้ เพราะเครื่องคอมฯ เป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนกับตรงนี้ค่อนข้างมาก และจากประสบการณ์ตรงของผมเอง เครื่อง Mac mini ผมพังเพราะไฟกระชากมาแล้วครับ...
2.ประสิทธิภาพการทำงาน - จากหน้าเวป support ของ apple ได้อธิบายตรงนี้ไว้ว่า การนำ Battery ออกนัั้น เครื่องที่ทำงานด้วยกระแสไฟตรงเพียงอย่างเดียว CPU จะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพครับ (ไม่ 100%) และแนะนำว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำด้วยในภาวะการใช้งานปรกติ
3.เกี่ยวกับธรรมชาติการทำงานของ Battery เอง - เรื่องนี้อาจจะขัดกับความเข้าใจของคนส่วนใหญ่นะครับ แต่ที่จริงแล้ว cell ต่าง ๆ ใน Battery ต้องมีการใช้งานบ้างครับ ถึงจะรักษาสภาพ cell ให้ปรกติได้อยู่.. ถ้าเราไม่ใช้งาน Battery นาน ๆ เค้าอาจจะทำงานผิดปรกติ หรืออย่างแย่ที่สุดคือ cell ตายได้(ไม่เก็บไฟแล้ว) ดังนั้น เพื่อการทำงานของ Battery ที่ควรจะเป็น ก็ให้เราใช้เครื่องโดยที่ยังมี Battery ติดอยู่ในเครื่องของเราตามปรกติล่ะครับ และเปลี่ยนเมื่อ Battery ตามอายุขัยของเค้าจะดีที่สุด (เมื่อหมดอายุ หรือเก็บไฟได้น้อยเกินกว่าที่เราจะรับได้)
บังเอิญค้นพบครับ คิดว่าเอามาเก็บไว้ดีกว่า เขียนเอาไว้อ่านง่ายดีครับ =)
ประวัติความเป็นมา และเครื่องรุ่นต่าง ๆ ตามปีของ Mac เป็นภาษาไทยบน wikipedia ครับ
เปรียบเทียบราคาจาก Apple Online Store จากหลาย ๆ ชายในภูมิภาคเอเชียครับ เป็นเนื้อหาที่ผมเคยเขียนเอาไว้ใน Mac 101 แล้ว ก็ได้รวบรวมมาไว้ในนี้จะได้ค้นหาอ่านได้สะดวกขึ้น
ผมเคยสงสัย และมีหลายคนถามว่า จะซื้อ Mac ที่ต่างประเทศถูกกว่า ?
ผมเลยอยากจะลองเปรียบเทียบราคา Mac จากใน Apple Store ของแต่ละประเทศดูครับจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ว่าปัจจุบันนี้ ความเชื่อที่ว่า Mac ที่ขายในต่างประเทศนั้น ถูกกว่าประเทศไทยจริงหรือเปล่า? (หลังจากทำข้อมูลทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว ผมค้นพบข้อเท็จจริงบางอย่าง ที่อาจจะทำให้คุณแปลกใจครับ)
มีจุดประสงค์หลัก ๆ คือเอาไว้อ้างอิงสำหรับตัวผมเองครับ แต่ใครจะนำข้อมูลในตารางต่าง ๆ ไปประกอบการตัดสินใจด้วยก็ได้ เนื้อหาโดยรวมจะเป็นการเปรียบเทียบเป็นหัวข้อ ๆ ไปนะครับตามนี้ (สามารถคลิ๊กที่หัวข้อเพื่อไปยังตารางที่เกี่ยวข้องได้จากตรงนี้ครับ)
โดยอาศัยที่มาของราคาจะอ้างอิงจากใน Apple Store ของแต่ละประเทศดังนี้ครับ
note :
ตารางเปรียบเทียบราคา Desktop รุ่นต่าง ๆ จาก Apple Store ของแต่ละประเทศเป็นเงินบาท
อัตราแลกเปลี่ยน
Hongkong (HKD) |
Japan (JPY : Yen) |
Singapore (SGD) |
Malyasia (MYR : RM) |
4.6089 |
0.38428 |
23.4167 |
10.1282 |
Mac Mini
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
1.83GHz/1/80 | 20,900 | 21,661 | 30,665 | 22,199 | 21,259 |
2.0GHz/1/120 | 26,990 | 29,036 | 38,351 | 30,160 | 28,348 |
Spec = CPU speed/Ram(GB)/HDD(GB)
iMac
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
2.4GHz/1/250/128[20“] | 41,990 | 43,323 | 53,722 | 44,210 | 42,528 |
2.66GHz/2/320/256[20”] | 49,990 | 54,385 | 65,250 | 55,919 | 52,656 |
2.8GHz/2/320/256[24“] | 61,990 | 64,985 | 76,779 | 65,285 | 63,797 |
3.06GHz/2/500/512[24“] | 77,990 | 81,577 | 93,994 | 83,082 | 81,015 |
Spec = CPU speed/Ram(GB)/HDD(GB)/Graphic Card(MB)/Display Size
Mac Pro
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
2x2.8GHz/2/320/256[15“] | 102,900 | 105,543 | 134,421 | 107,435 | 99,246 |
สำหรับ Mac Pro จะใช้ Standard Spec ตามที่มีในเวปนะครับ = CPU speed/Ram(GB)/HDD(GB)/Graphic Card(MB)
Apple Cinema Display
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
New 24” LED | 32,900 | 31,801 | 37,966 | 33,907 | 36,451 |
20“ | 23,900 | 22,122 | 29,128 | 23,369 | 22,271 |
30” | 73,900 | 66,368 | 88,307 | 71,374 | 65,823 |
สรุป
ประเทศที่ขาย Desktop แพงที่สุดคือ
ประเทศที่ขาย Desktop ถูกที่สุด คือ
ตารางเปรียบเทียบราคา Notebook รุ่นต่าง ๆ จาก Apple Store ของแต่ละประเทศเป็นเงินบาท
อัตราแลกเปลี่ยน
Hongkong (HKD) |
Japan (JPY : Yen) |
Singapore (SGD) |
Malyasia (MYR : RM) |
4.6089 |
0.38428 |
23.4167 |
10.1282 |
MacBook
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
2.1GHz/1/120[white] | 37,900 | 35,949 | 44,115 | 37,185 | 37,464 |
2.0GHz/2/160[alu] | 48,900 | 47,010 | 57,180 | 48,894 | 48,605 |
2.4GHz/2/250[alu] | 59,900 | 57,611 | 71,014 | 60,602 | 59,746 |
Spec = CPU speed/Ram(GB)/HDD(GB)
MacBook Air
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
1.6GHz/2/120 | 66,900 | 64,063 | 82,543 | 67,627 | 66,835 |
1.86GHz/2/128[SSD] | 93,900 | 88,490 | 114,822 | 93,385 | 91,143 |
Spec = CPU speed/Ram(GB)/HDD(GB)
MacBook Pro
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
2.4GHz/2/250/256[15“] | 73,900 | 70,977 | 87,923 | 74,652 | 72,912 |
2.53GHz/4/320/512[15“] | 91,900 | 88,490 | 110,980 | 93,385 | 91,143 |
2.5GHz/4/320/512[17“] | 102,900 | 99,091 | 122,508 | 102,752 | 102,284 |
Spec = CPU speed/Ram(GB)/HDD(GB)/Graphic Card(MB)
สรุป
ประเทศที่ขาย Notebook แพงที่สุดคือ
ประเทศที่ขาย Notebook ถูกที่สุด คือ
ตารางเปรียบเทียบราคา iPod รุ่นต่าง ๆ จาก Apple Store ของแต่ละประเทศเป็นเงินบาท
อัตราแลกเปลี่ยน
Hongkong (HKD) |
Japan (JPY : Yen) |
Singapore (SGD) |
Malyasia (MYR : RM) |
4.6089 |
0.38428 |
23.4167 |
10.1282 |
OS X Leopard
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
Single User | 5,690 | 4,608 | 5,687 | 5,573 | 5,053 |
Family Pack | 8,590 | 6,913 | 8,761 | 8,640 | 7,869 |
จากที่เขียนบทความนี้ เป็นเวอร์ชั่น 10.5.4 ครับ
iLife ‘08
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
Single User | 3,190 | 2,719 | 3,765 | 3,465 | 3,129 |
Family Pack | 3,990 | 3,456 | 4,534 | 4,191 | 3,838 |
iWork ‘08
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
Single User | 3,190 | 2,719 | 3,765 | 3,465 | 3,129 |
Family Pack | 3,990 | 3,456 | 4,534 | 4,191 | 3,838 |
AppleCare
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
MacBook/MacBook Air | 8,890 | 8,572 | 12,104 | 10,443 | 8,598 |
MacBook Pro | 12,390 | 12,029 | 16,949 | 14,729 | 12,143 |
Mac mini | 4,990 | 5,161 | 8,069 | 5,901 | 5,053 |
iMac | 5,990 | 5,807 | 8,646 | 7,095 | 6,066 |
Mac Pro | 8,990 | 8,572 | 12,104 | 10,443 | 8,598 |
Support-Xserve | 36,900 | 34,151 | 43,900 | 41,705 | 32,400 |
iPod shuffle/nano | 1,390 | 1,336 | 1,844 | 1,615 | 1,306 |
iPod touch/classic | 2,290 | 2,027 | 2,743 | 2,575 | 2,015 |
Apple Display | 3,390 | 3,410 | 4,611 | 4,027 | 3,534 |
Apple TV | 1,690 | 1,797 | 2,459 | 1,849 | 1,711 |
นับเฉพาะรายการของ AppleCare ที่มีอยู่ขายใน Thailand เท่านั้นครับ มีบางรายการที่มีขายในต่างประเทศ แต่ไม่มีในบ้านเราผมก็จะไม่มีอยู่ในตารางนี้
MobileMe
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
Single User | 3,190 | 3,456 | 3,765 | 3,465 | 3,332 |
Family Pack | 4,890 | 5,300 | 5,994 | 5,339 | 5,155 |
Software อื่น ๆของ Apple
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
QuickTime 7 Pro | 1,391 | 1,106 | 1,306 | 1,287 | 1,306 |
Aperture | 7,290 | 7,365 | 9,145 | 7,680 | 7,079 |
FinalCut Express 4 | 8,390 | 7,365 | 9,145 | 8,640 | 7,889 |
Logic Express 8 | 8,390 | 7,365 | 9,145 | 8,640 | 7,889 |
GB Jam Pack | 5,029 | 3,456 | 4,150 | 4,706 | 4,142 |
GarageBand Jam Pack แต่ละ Pack จะมีราคาเกือบเท่ากัน และราคา software ในตารางเป็นแบบซื้อตัวเต็มใหม่ ไม่ใช่ upgrade
สรุป
ประเทศที่มี Software ขายแพงมากที่สุดคือ
ประเทศที่มี Software ขายถูกที่สุด คือ
ตารางเปรียบเทียบราคา iPod รุ่นต่าง ๆ จาก Apple Store ของแต่ละประเทศเป็นเงินบาท
อัตราแลกเปลี่ยน
Hongkong (HKD) |
Japan (JPY : Yen) |
Singapore (SGD) |
Malyasia (MYR : RM) |
4.6089 |
0.38428 |
23.4167 |
10.1282 |
iPod shuffle
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
1GB | 2,290 | 1,705 | 2,228 | 1,826 | 1,914 |
2GB | 3,190 | 2,442 | 2,997 | 2,529 | 2,623 |
ทุกสีราคาเท่ากัน
iPod nano
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
8GB | 6,290 | 5,300 | 6,840 | 5,807 | 6,066 |
16GB | 8,290 | 7,143 | 9,145 | 7,680 | 8,092 |
ทุกสีราคาเท่ากัน
iPod classic
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
120GB | 9,990 | 8,756 | 11,451 | 9,319 | 10,118 |
ทั้งสองสีราคาเท่ากัน
iPod touch
Spec | Thailand | Hongkong | Japan | Singapore | Malaysia |
8GB | 8,890 | 8,526 | 10,682 | 9,085 | 9,611 |
16GB | 11,490 | 11,061 | 13,757 | 11,661 | 12,447 |
32GB | 15,290 | 14,287 | 18,368 | 15,174 | 16,498 |
สรุป
ประเทศที่ขาย iPod แพงที่สุดคือ
ประเทศที่ขาย iPod ถูกที่สุด คือ