อินเทลเปิดตัวอินเตอร์เฟสเชื่อมต่อแบบใหม่คู่แข่ง USB 3.0

notekungs's picture
116
posts

อินเทลประกาศพัฒนาอินเตอร์เฟสเชื่อมต่อของตนเอง Light Peak ความไวกว่า 100 GB ต่อวินาที

หลังจากข่าวคราวการมาถึงของเทคโนโลยี USB 3.0 เพิ่งเริ่มต้นไปได้ไม่นานมานี้ ล่าสุดอินเทลผู้ผลิตแลพัฒนาชิปเซตและระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ชื่อดัง ประกาศเปิดตัวอินเตอร์เฟสการเชื่อมต่อแบบใหม่ของตนเองในชื่อ Light Peak ซึ่งจากรายละเอียดที่ได้ประกาศ Light Peak ใช้วัสดุใยแก้วนำแสงในการผลิต และมีความเร็ว "สูงสุด" อยู่ที่ 100 GB ต่อวินาที ซึ่งจะสามารถทำได้จริงภายในระยะเวลา 10 ปีต่อจากนี้ แต่การเปิดตัวครั้งแรกนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 10 GB ต่อวินาที และสามารถขยายความยาวของสายการเชื่อมต่อได้มากกว่า 100 เมตร ต่างกับ USB 3.0 ที่กำหนดไม่เกิน 3 เมตรเท่านั้น ในส่วนของรายละเอียดต่างๆ นอกเหนือนั้นยังไม่เป็นที่เปิดเผย และมีการคาดการณ์กำหนดเปิดตัวสู่ตลาดจากทางอินเทลว่าอยู่ในช่วงต้นปี 2010

ที่มา : pantip

ikok's picture
10285
posts

ขอบคุณสำหรับข่าวนะครับ

ผมเคยเห็นวิดีโอแว่บ ๆ เดี๋ยวขอไปค้นก่อน ทาง Intel เขาออกมาเปิดเผยข้อมูลเยอะเหมือนกันครับ ยิ้ม

#1
jostar's picture
179
posts

lightpeak

lightpeak จริงๆแล้วเป็นเทคโนโลยีของแอ๊ปเปิ้ลที่พยายามผลักดันให้อินเทลเป็นผู้พัฒนาให้ครับ

#2
sajiro's picture
1179
posts

ก๊ากๆ

Apple is The BEST !!

#3
jostar's picture
179
posts

รู้สึกว่าเหมือนกับว่าappleจะเ

รู้สึกว่าเหมือนกับว่าappleจะเริ่มพัฒนาlightpeak ตั้งแต่รู้ว่าfirewireดับครับ^ ^" ถ้ามันแพร่หลายจะดีมากเลยนะครับ อย่างตอนiMac G3 เอาพอร์ตยูเอสบีกับไฟร์ไวร์มาลงด้วยกัน ไหงไฟร์ไวร์ที่ดีกว่าตั้งเยอะดับไม่รู้ แต่ยังงัยก็ดีถ้าจำไม่ผิดiMac G3เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ใช้พอร์ตยูเอสบีกับไฟร์ไวร์น่ะครับ คาดว่าเทคโนโลยีlight peakนี่เครื่องMacintoshในอนาคตก็น่าจะได้ใช้เป็นเจ้าแรกเหมือนกัน (ยิ่งถ้าตอนน้นมากับระบบไฟล์แบบที่เจ๋งกว่าHFS+ หรือ ZFS คงเป็นการปฏิวัติวงการอีกครั้งเหมือนพอร์ตยูเอสบี) จริงๆIEEE1394หรือไฟร์ไวร์เนี่ยผมก็อยากใช้มากเลยนะครับมันเร็วมากตอนนั้นฮาร์ดดิสกfirewire ความเร็วทิ้งSCSIแบบไม่เห็นฝุ่น แต่อย่างว่าแหละครับของที่มีศักยภาพที่สุดส่วนใหญ่จะไม่ใช่ของที่ทำตลาดได้ดีที่สุดเหนได้จากปัจจุบัน

#4
sajiro's picture
1179
posts

ทอปเคยอ่านมาว่า

บริษัทคอมที่ต้องการใช้ Firewire จะต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ให้กับ Apple ครับ

ส่วน USB ไม่ต้องเสียครับ

#5